2.1 ข้อมูล สารสนเทศ และความรู้
ความก้าวหน้าของเทคโลโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ทำให้ในแต่ล่ะวันมีการผลิตข้อมูลขึ้นมา
จำนวนมาก
ข้อมูลบ้างส่วนจะนำมาประมวลผลเพื่อนำไปประยุคต์ใช้ในด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น
ข้อมูลจากเว็บไซต์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ละวัน ซึ่งสามารถช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้
ได้เพียงค้นหาข้อความ รูปภาพ
หรือวีดิทัศน์
ที่ตรงกับความสนใจเท่านั้น
แต่ไม่สามารถนำข้อมูลเหล่านี้
มาประมวลผลและแสดงความรู้ที่แฝงอยู่ได้อย่างมีประสิทธิผล
จากการสังเกต การทดลอง
เช่นบันทึกไว้เป็น ตัวเลข ข้อความ
รูปภาพ และสัญลักษณ์
สารสนเทศ(information) คือ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการนำข้อมูลมาประมวลผล
เพื่อให้ได้
สิ่งที่เป็นประโยนช์ในการนำไปใช้งานมากขึ้น เช่น
ส่วนสูลของนักเรียนหญิงและนักเรียนชายแต่ล่ะคน
ในชั้นเรียนเป็นข้อมูล
จะสามารถสร้างสารสนเทศจากข้อมูลเหล่านี้มาเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย
หรือการหาค่าเฉี่ลยของส่วนสูงของนัหเรียน
ความรู้(knowledge) เป็นคำที่มีความหมายก้วาง และใช้กันโดยทั่ว ในด้านวิทยาการ
คอมพิวเตอร์หรือวิศวกรรมคอมพิวเตอร์กล่าวถึงความรู้ไว้ในหลายแง่มุม ตึความหมายในแง่มุมหนึ่ง
ที่สอดคล้องกับข้อมุลและสารสนเทศความรู้
คือสิ่งที่ประกอบด้วยข้อมูลและสารสนเทศที่ถูกจัด
รูปแบบและประมวลผลเพื่อนำไปประยุคต์ใช้ปัญหาที่ต้องการนำข้อมูลและสารสนเทศเหล่านี้ไปแก่ไข
ตัวอย่างที่2.2 สมมุติว่าเราไม่เคยมีความรู้มาก่อนเลยว่า เพราะเหตุใดนักเรียนบางคน จึงสูง
กว่านักเรียนคนอื่น
เราสามารถนำส่วนสูงของนักเรียนแต่ละคนมาจับคู่กับคุณสมบัติอื่นๆ เช่น
ลักษณะนิสัยการรับประทานอาหาร
(รับอาหารที่เป็นประโยชน์เป็นประจำหรือไม่) และ
ความถี่ในการออกกำลังกาย (ทุกวัน
สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
เดือนละครั้ง หรือน้อยครั้ง)
2.2การจัดการความรู้ (knowledge management)
ในการบริหารองค์กร
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแต่ไม่สามารถประเมินคุณค่าเป็นตัวเงินได้ คือ
ความรู้
ที่ได้จากการปฏิบัติงาน เนื่องจากในการทำงาน การแก้ปัญหา การแสวงหาความรู้ การนำความรู้
มาปรับใช้ โดยพนักงานในระดับต่างๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ในการทำงาน พนักงานที่ปฎิบัติงาน
หนึ่งคน จะต้องใช้ความรู้และทกษะเฉพาะอย่างไร เพื่อทำงานให้ลุล่วงไปได้ ซึ่งการจะทำให้พนักงาน
หนึ่งคนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นนั้น
จะต้องใช้การอบรมเพื่อสร้างความรู้รวมถึงทักษะให้กับ
พนักงานเหล่านี้ ซึ่งความรู้ที่ถ่ายทอดให้แก่พนักงานนี้ จัดว่าเป็นทุนทางปัญญา(intellectual capital)
ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างสูงกับองค์กร เพราะความรู้บ้างอย่างต้องใช้งบประมาณและเวลาในการ
สร้างขึ้น
ทำอย่างไรจึงจะสามารถจัดการความรู้ในองค์กรเหล่านี้ให้เกิดประสิทธ์ภาพสูง
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการความรู้
สามารถช่วยองค์กรในการจัดการความรู้เหล่นนี้ได้
โดยระบบนี้จะทำงานแตกต่างกันไปตามจุดมุ้งหมายขององค์กร ซึ่งผู้ใช้องค์กรที่อาจประกอบด้วย
พนักงานทั่วไป ผู้บริหาร
หรือบุคคลภายนอก
จะเป็นผู้สร้างสารสนเทศเพื่อเก็บไว้ในระบบนี้
โดยระบบจะต้องสามารถจัดหมวดหมู่ ค้นหา
รวมถึงกระจายสารสนเทศเหล่านี้ให้กับผู้ใช้คนอื่นเพื่อให้ผู้ใช้แต่ละคนสามารถนำสารสนเทศไปใช้ได้ตามสิทธิ์ของตนเอง
2.3ลักษณะของข้อมูลทึ่ดี
มีคำกล่าวเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลไว้อย่างหน้าฟังว่า ถ้าข้อมู,เค้าเป็นขยะสิ่งที่ออกมาก็จะเป็นขยะ
(Gardage In,
Gardage Out) ซึ่งหมายความว่าถ้าข้อมูลที่นำไปประมวลผล
เป็นข้อมูลที่ด้อยคุณภาพผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะด้วยคุณภาพไปด้วย
1)ความถูกต้องของข้อมูล เป็นลักษณะยิ่งของข้อมูล ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้องแล้ว
เราจะไม่สามารถได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องได้เลย
ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นโดนเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ และไม่มีการตรวจสอบเช่น
ข้อมูลมนโลกอินเตอร์เน็ตซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบก่อนจะนำมาใช้เสนอ
เช่นข้อมูลเสียงเก็บจากไมโครโฟน
2)ความสมบูรณ์ครบถ้วนในการนำไปใช้งาน
ข้อมูลบางประเภทหากไม่ครบถ้วนจัดเป็นข้อมูลที่ด้อยคุณภาพ
ได้เช่นกันข้อมูลประวัติคนไข้
หากไม่มีหมู่เลือนของคนไข้จะไม่สามารถใช้ได้ในกรณีที่ผู้ร้องขอข้อมูลต้องการข้อมูลหมู่เลือดของคนไข้ หรือข้อมูลที่อยู่ของลูกค้า เป็นต้น
3)ความถูกต้องตามเวลา
ในบางกรณีข้อมูลผูกกับเงื่อนไขของเวลา ซึ่งถ้าผิดจากเงื่อนไขของเวลาไปแล้ว ข้อมูลนั้นอาจรถคุณภาพ
ลงไป
หรือแม้กระทั้งอาจไม่สามารถใช้ได้
เช่น
2.11ในทางการแพทย์แล้วข้อมูลจะต้องถูกใส่
เข้าไปในฐานข้อมูลที่คนไข้ได้ยา เพื่อให้แพทย์คนอื่นๆ ได้ทราบ
คนไข้ได้รับยาชนิดนี้ไป
4)ความสอดคล้องกันของข้อมูล ในกรณีที่ข้อมุลนั้นมาจากหลายแห่ง จะเกิดปัญหาในเรื่อง
ของตวามสอดคล้องกันของข้อมูล เช่น
ในบรษัทอีกแห่งหนึ่งซึ่งเก็บข้อมูลที่อยู่ของลูกค้า
หากต้องการนำข้อมูลไปควบรวมกับบริษัทอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีข้อมูลของลูกค้าอยู่เช่นกัน
แต่ข้อมูลในการจัดส่งเอกสารของบริษัทแห่งแรก เป็นที่อยู่ของที่พักอาศัยของลูกค้า
ในขณะที่ข้อมูลในบริษัทที่สองเป็นที่อยู่ของสถานที่ทำงานของลูกค้า ข้อมูลจากทั้งสองบริษัทเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
2.4การจัดเก็บข้อมูล
เมื่อเห็นความสำคัญของข้อมูลแล้ว ทำอย่างไรจึงจะเก็บรักษาข้อมูล
เหล่านั้นให้คงอยู่
รวมถึงทำให้สามารถประมวณผลข้อมูลนั้นอย่างรวดเร็ว
โดยมากแล้วจะรวมไว้ในฐานข้อมูล ซึ่งนำมาใช้ในการจัดเก็บ
.การจัดเก็บอย่างมีประสิทธ์ภาพ
.การตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างรวดเร็ว
.การจำกัดสิทธ์ในการเข้าถึงข้อมูลให้แก่ผู้ใช้ในแต่ละระดับขององค์กร
1)เขตข้อมูล (field)
เมื่อนำข้อมูลระดับบิตมาเรียงต่อกันเพื่อแทนข้อมูลใดๆ ที่ต้องการเก็บ
ในฐานข้อมูล เราจะจัดข้อมูลมารวมกันที่เป็นบิตนี้มารวมกันเพื่อแทนความหมายบ้างอย่าง
.จำนวนเต็ม (integer) คอมพิมเตอร์ส่วนใหญ่จะเก็บตัวเลขขนาด 32
บิต ซึ่งขนาด
ตัวเลขนี้อาจเปปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีของเตรื่องคอมพิวเตอร์ตัวเลขสองขนาด32บิต
สามารถแทนจำนวนเลขจำนวนเต็มได้ตั้งแต่-2.147.483.648 ถึง
3.147.483.647
เป็นตัวเลขจำนวนเต็มที่ไม่ระบุเครื่องหมาย
.จำนวนทศนิยม (decimal numder)
ในคอมพิวเตอร์
จะเก็บตัวเลขทศนิยม โดยใช้ระบบ
โฟลททิงพอยต์ (floating point ) ซึ่งการเก็บลักษณะนี้ไม่มีการกำหนดตำแหน่งตายตัวสำหรับ
ตำแหน่งของจุด
.ข้อคาวม (text) ในการแทนข้อคาวมนั้นจะต้องเปลี่ยนข้อคาวมให้เป็นรหัสซึ่งใช้แทนตัวอักษร
แต่ละตัวเสียก่อนตามมาตรฐานโดยทั่วไปจะใช้เป็นรหัสเอสกี (ASCII
code)
.วันเวลา (date/time) ข้อมู,ที่เป็นวันเวลา เช่น
วันที่เริ่มใช้งาน วันลงทะเบียน
และเวลาที่ซื้อสินค้า มีความแตกต่างจากข้อมูลประเภทอื่น
.ไฟล์
(file) เขตข้อมูลบ้างประเภทใช้เก็บไฟล์รูปภาพหรือไฟล์อื่นๆซึ่งเขตข้อมูลประเภทนี้
เป็นเขตข้อมูลขนาดใหญ่
2)ระเบียบ (record) คือ
กลุ่มของเขตข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน
โดยเขตข้อมุลแต่ละ
ส่วนอาจจะเป็นข้อมูลต่างชนิดกัน
3)ตาราง (tadle) คือ
กลุ่มของระเบียบ
ซึ่งเขตข้อมูลในแต่ละระเบียบจะเก็บข้อมูลที่มี
คาวมสัมพันธ์กัน ในตารางจะเก็บข้อมูลหลายๆ ระเบียบ
4)ฐานข้อมูล (datadase) เป็นที่รวมของตารางหลายๆ
ตารางเข้าไว้ด้วยกันตารางแต่ละตาราง
จะมีความสัมพันธ์กันโดนใช้เขตข้อมูลที่เก็บข้อมูลซึ่งเหมืนอกันเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างกัน
บางตารางอาจเป็นตารางที่เก็บข้อมูลไว้เฉพาะของต้นเองโดยไม่เกี่ยวข้องกับตารางอื่นๆ
2.5จริยธรรมในโลกของข้อมูล
คำว่าจริยธรรมเป็นคำที่มีความหมายกว้าง
แม้กระทั้งในด้านคอมพิวเตอร์ ก็มีการกล่าวถึง
ในเรื่องจริยธรรมเช่นกัน ในที่นี้จะกล่าวถึง
จริยธรรมในความหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลและสาสนเทศในประเด็นต่างๆ
2.5.1ความเป็นส่วนตัว
เมื่อข้อมูลปรากฏอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น ทำให้การรวบรวมข้อมูล
การเข้าถึง การค้นหา
และการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายและเร็วขึ้น
ทำให้ข้อมูลบ้างประเภทที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เช่น
เลขประจำตัวประชาชน
วันเดือนปีเกิด
2.5.2สิทธ์ในการเข้าถึงข้อมูล
เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลในการเก็บข้อมูล
ในฐานข้อมูลจะมีการกำหนดสิทธ์ในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในแต่ละกลุ่ม
โดยระบบจะอนุญาตให้ผู้ใช้คนหนึ่งเข้าถึงข้อมูลต้องมีการตรวจสอบว่าจะเข้าถึงข้อมูลใดได้บ้าง
มาตรา5
ผู้ใดเข้าถึงโดยไม่ซึงระบบ
คอมพิวเตอร์มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดย
เฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
มาตรา7
ผู้ใดเข้าถึงข้อมูลมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับต้น
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่เหมือนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา8
ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์
นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี
หรือปรับไม่เกินหกเหมือนบาท
2.5.3ทรัพย์สินทางปัญญา
ในกระบวนการผลิตโปรแกรม ระบบปฏิบัติการ รูปภาพ
เพลง หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
จำเป็นต้องมีต้นทุนสูง และใช้เวลาในการผลิตยาวนาน แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ปรากฏอยู่
ในรูปแบบของข้อมูลดิจิทัล ผู้ใช้คนอื่นๆ
สามารถทำซ่ำและนำไปใช้โดยไม่ได้
จ่ายเงินให้กับผู้ผลิตก่อให้เกิดความเสียทางหายธรุกิจเจ้าของข้อมูล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น